วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง


เรื่องย่อ

          ดินแดนชวาโบราณ มีกษัตริย์หนึ่งเรียกว่า วงศ์อสัญแดหวา หรือ วงศ์เทวากล่าวกันว่าวงศ์นี้มีพี่น้อง

สี่องค์ องค์พี่ครองเมืองกุเรปัน องค์ที่สองครองเมืองดาหาองค์ที่สามครองเมืองดาหลัง และองค์ที่สี่ครอง

เมืองสิงหัดส่าหรีกษัตริย์วงศ์เทวามีอานุภาพยิ่งใหญ่ด้วยยศศักดิ์ถือตัวว่าเป็นชนชั้นสูง จึงอภิเษกกัน

เฉพาะในวงศ์พี่น้องนอกจากนี้ทั้งสี่เมืองเท่านั้นที่สามารถ แต่งตั้งมเหสีได้ ๕ องค์ ตามลำดับตำแหน่ง คือ

 ประไหมสุหรีมะเดหวี มะโต ลิกู และเหมาหลาหงี แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเมืองหมันหยาซึ่งเป็นเมืองเล็ก

กว่ากล่าวคือ เจ้าเมืองนี้มีราชธิดาสามองค์ องค์โตชื่อนิหลาอระตา ได้ไปเป็นประไหมสุหรีเมืองกุเรปัน

องค์ที่สองชื่อ ดาหราวาตี ได้ไปเป็นประไหมสุหรีเมืองดาหา ส่วนองค์สุดท้องชื่อ จินดาส่าหรี

ได้อภิเษกกับโอรสท้าวมังกัน และได้ครองเมืองหมันหยาท้าวกุเรปันมีโอรสองค์แรกกับลิกู ชื่อว่า กะหรัด

ตะปาตีต่อมามีโอรสกับประไหมสุหรีเป็นหนุ่มรูปงามและเก่งกล้าสามารถมาก ชื่อ อิเหนา หรือ

ระเด่นมนตรี และมีราชธิดาชื่อวิยะดา ส่วนท้าวดาหามีราชธิดากับประไหมสุหรีชื่อ บุษบาและมีโอรสชื่อ สี

ยะตรา บุษบามีอายุไล่เลี่ยกับอิเหนา ท้าวกุเรปันจึงหมั้นบุษบาให้กับอิเหนาและสียะตราก็หมั้นหมายกัน

ไว้กับวิยะดาส่วนระตูหมันหยากับประไหมสุหรีก็มีราชธิดาชื่อระเด่นจินตะหราอายุรุ่นราวคราวเดียวกับ

อิเหนา ท้าวสิงหัดส่าหรีกับประไหมสุหรีมีโอรสชื่อระเด่นสุหรานากงราชธิดาชื่อระเด่นจินดาส่าหรี ท้าว

กาหลังมีราชธิดาชื่อ ระเด่นสกาหนึ่งรัดซึ่งเป็นคู่ตุนาหงันของสุหรานากงเมื่อพระอัยยิกาที่เมืองหมันหยา

สิ้นพระชนม์ ท้าวกุเรปันมอบหมายให้อิเหนาไปร่วมพิธีถวายพระเพลิงพร้อมกับกะหรัดตะปาตี อิเหนาพบ

จินตะหราก็หลงรักจนพิธีถวายพระเพลิงเสร็จแล้วก็ยังไม่ยอมกลับกุเรปัน

ท้าวกุเรปันจึงต้องอ้างว่าประไหมสุหรีจะมีพระประสูติกาลให้กลับมาเป็นกำลัง ใจให้พระราชมารดา

อิเหนาจำใจต้องกลับมาประจวบกับพระราชมารดาประสูติ พระราชธิดาหน้าตาน่ารัก นามว่า

ระเด่นวิยะดาอย่างไรก็ตามอิเหนายังหาทางกลับไปเมืองหมันหยาอีก โดยอ้างว่าจะไปประพาสป่า

แล้วปลอมตัวเป็นโจรป่าชื่อ มิสารปันหยี ระหว่างทางได้รบกับระตูบุศิหนา

น้องชายสุดท้องของระตูปันจะรากันและระตูปักมาหงันปรากฏว่าระตูบุศสิหนาตายในที่รบนางดรสาซึ่ง

เพิ่งเข้าพิธีอภิเษกกับระตูบุศสิหนาจึงกระโดดเข้ากองไฟตายตามพระ สวามีส่วนระตูจะรากันและระตูปัก

มาหงันยอมแพ้และถวายพระธิดาและพระโอรสให้อิเหนา คือนางสะการะวาตี นางมาหยารัศมี และสังคา

มาระตาเมื่ออิเหนาเข้าเมืองหมันหยาได้ก็ลักลอบเข้าหานางจินตะหราแล้วได้สองนางคือนางสะการะวาตี

และนางมาหยารัศมีเป็นชายา และรับสังคามาระตาเป็นน้องชายท้าวกุเรปันเรียกอิเหนากลับเมืองถึงสอง

ครั้ง พร้อมทั้งนัดวันอภิเษกระหว่างอิเหนากับบุษบาแต่อิเหนาไม่ยอมกลับ สั่งความตัดรอดนางบุษบา 

ท้าวกุเรปันและท้าดาหาทราบเรื่องก็ขัดเคืองพระทัยท้าวดาหาถึงกับหลุดปากว่าถ้าใครมาขอบุษบาก็จะ

ยกให้ฝ่ายจรกา ระตูเมืองเล็กเมืองหนึ่ง และเป็นอนุชาของท้าวล่าส่ำ (ท้าล่าส่ำผู้นี้มีธิดา คือ

ระเด่นกุสุมา เป็นคู่หมั้นของสังคามาระตา) จรกาเป็นชายรูปชั่วตัวดำ แต่อยากได้ชายารูปงาม

จึงให้ช่วงวาดไปแอบวาดภาพราชธิดาของเมืองสิงหัดส่าหร คือ นางจินดาส่าหรี

ครั้นทราบข่าวว่านางบุษบาสวยงามมากจึงให้ช่างวาดแอบวาดภาพนางบุษบาอีก

ช่างวาดแอบวาดภาพได้ ๒ ภาพ คือ ตอนนางบุษบาเพิ่งตื่นบรรทมและภาพที่แต่งองค์เต็มที่

ขณะเดินทางกลับองค์ปะตาระกาหลาบันดาลให้รูปนางบุษบาที่ทรงเครื่องตกหายไป

จรกาได้เห็นภาพที่เพิ่งตื่นบรรทมเท่านั้นก็หลงใหลถึงกับสลบลงทันทีเมื่อจรกาได้ข่าวจากช่างวาดภาพว่

าบุษบาร้างคู่ตุนาหงัน จึงรีบให้ระตูล่าส่ำ พี่ชายมาสู่ขอบุษบา

ท้าวดาหากำลังโกรธอิเหนาอยู่แม้จะรู้ว่าจรการูปชั่ว ต่ำศักดิ์ แต่เมื่อพลั้งปากว่าใครมาขอก็จะยกให้

จึงจำใจยากนางบุษบาให้จรกาและกำหนดการวิวาห์ภายในสามเดือน

กล่าวถึงกษัตริย์อีกวงศ์หนึ่ง องค์พี่ครองเมืองกะหมังกุหนิง มีพระโอรสชื่อ วิหยาสะกำ

องค์รองครองเมืองปาหยัง มีพระธิดา ๒ องค์ คือ นางรัตนาระติกา และ รัตนาวาตี

องค์สุดท้องครองเมืองปะหมันสลัด มีพระโอรสชื่อ วิหรากะระตา มีพระธิดาชื่อ บุษบาวิลิศ

อยู่มาวิหยาสะกำโอรสท้าวกะหมังกุหนิงเสด็จประพาสป่า พบภาพวาดของนางบุษบา

ทรงเครื่องที่หายไปก็คลั่งไคล้ใหลหลงถึงกับสลบเช่นกัน

ท้าวกะหมังกุหนิงรักและเห็นใจโอรสมากจึงให้คนไปสืบว่านางในภาพนั้นเป็นใครแล้วก็ให้แต่งทูตไป

ขอนางบุษบา แต่ท้าวดาหาปฏิเสธเพราะได้ยกให้ระตูจรกาไปก่อนหน้านั้นแล้ว

จึงทำให้เกิดศึกชิงนางขึ้น ชื่อว่า ศึกกะหมังกุหนิง

เนื้อเรื่องย่อ อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง

เมื่อท้าวกะหมังกุหนิงส่งทูตไปขอบุษบา แต่ได้รับการปฏิเสธจากท้าวดาหา

จึงเตรียมจัดทัพยกไปตีเมืองดาหาโดยให้พระอนุชา คือ ระตูปาหยังและระตูประหมัน

รวมทั้งหัวเมืองทั้งปวงยกทัพมาช่วย ท้าวกะหมังกุหนิงให้วิหยาสะกำเป็นทัพหน้า

ระอนุชาทั้งสองเป็นทัพหลัง ส่วนพระองค์เป็นจอมทัพ แต่ก่อนที่จะยกทัพไปนั้น

โหรทำนายว่าดวงชะตาของท้าวกะหมังกุหนิงและวิหยาสะกำนั้นฆาต

ถ้ายกทัพไปในวันรุ่งขึ้นจะพ่ายแพ้แก่ศัตรู ควรงดเว้นการทำศึกไปก่อน ๗วันจึงพ้นเคราะห์

แต่ท้าวกะหมังกุหนิงก็ไม่เปลี่ยนพระทัย

ฝ่ายท้าวดาหาได้ขอความช่วยเหลือไปยังท้าวกุเรปัน ท้าวกาหลัง

และท้าวสิงหัดส่าหรีท้าวกุเรปันส่งราชสารฉบับหนึ่งสั่งให้อิเหนายกทัพไปช่วยท้าวดาหาทำศึก

อีกฉบับหนึ่งส่งไปให้ระตูหมันหยาโดยตำหนินางจินตะหราส่าเป็นต้นเหตุให้อิเหนาตัดรอนนางบุษบา

ส่งผลให้เกิดศึกสงครามขึ้น ระตูหมัน หยารู้สึกผิดจึงเร่งให้อิเหนายกทัพไปเมืองดาหา

ส่วนท้าวกาหลังให้ตำมะหงงกับดะหมังคุมทัพมาช่วยท้าวสิงหัดสาหรีส่งสุหรานากงผู้เป็นโอรสมาช่วย

รบเมื่อทัพที่จะช่วยเมืองดาหารบมากันครบแล้ว อิเหนาจึงมีบัญชาให้จัดทัพเตรียมรบกับทัพท้าว

กะหมังกุหนิงครั้นทั้งสองฝ่ายเผชิญทัพกัน สังคามาระตาเป็นคู่ต่อสู้กับวิหยาสะกำและสังหารวิหยาสะกำได้ท้าวกะหมังกุหนิงเห็นโอรสถูกสังหารตกจากม้าก็โกรธ ขับม้าเข้าไล่สังคามาระตา

อิเหนาจึงเข้าสกัดและต่อสู้กับท้าวกะหมังกุหนิง ทั้งสองมีฝีมือทัดเทียมกันทั้งเพลงหอกและกระบี่

ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะหลายกระบวนเพลง ในที่สุดอิเหนาจึงใช้กริชสังหารท้าวกะหมังกุหนิงได้

ทัพฝ่ายกะหมังกุหนิงก็แตกพ่ายไป ระตูปาหยังและระตูประหมันยอมอ่อนน้อมต่ออิเหนา

และจะขอส่งเครื่องบรรณาการมาถวายตามประเพณี

อิเหนาจึงอนุญาตให้นำศพของท้าวกะหมังกุหนิงและวิหยาสะกำกลับไปทำพิธีตามราชประเพณี